
(ต่อ) ตอนอ่านเคสที่รัฐบาลท้องถิ่นเมือง Madrid ถูกฟ้องว่าสิ่งที่ทำ เข้าข่ายเป็นการให้ความช่วยเหลือ (State Aid) กับสโมสร Real Madrid ซึ่งไม่เป็นธรรมกับทีมฟุตบอลทีมอื่น ก็นึกถึงตอนที่เดินคุยกับธนาธรระหว่างตกเครื่องที่ Dallas Airport
.
out of nowhere ระหว่างตกเครื่องธนาธร ก็พูดขึ้นมาประมาณว่า เพื่อสร้างอุตสาหกรรมใหม่เราจำเป็นต้องอัดฉีดเงินอุดหนุนให้กับบริษัทเอกชนจำนวนมหาศาล ไม่อย่างนั้นไล่ตามคนอื่นไม่ทัน
.
ประโยคไม่เป๊ะนัก แต่อยู่ภายในกรอบนี้
.
สิ่งที่ธนาธรพูดคือนโยบายอุตสาหกรรม (Industrial Policy) ที่ต้องพึ่ง State Aid ในรูปแบบ Direct/Financial Grants ชัดเจน
.
ฟังแล้วก็ไม่มีอะไรที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็เห็นว่าถ้าทำจริง ทันทีที่ประกาศเป็นนโยบายคงโดนต่อต้านยับแน่ๆ
.
ส่วนหนึ่งคงเพราะสังคมไทยคุ้นชินกับ state aid แบบ tax credits, tax exemptions ที่รัฐไม่ต้องควักเนื้อ และเอกชนต้องกำไรก่อนถึงจะได้ประโยชน์ หรือ state loans ที่อย่างน้อยรัฐก็ได้เงินต้นกับดอกเบี้ยนิดหน่อยคืนมากกว่า
.
ส่วน Direct/Financial Grants ที่โอนเงินของรัฐเข้ากระเป๋าเอกชน คนไทยจำนวนมากน่าจะมีทัศนคติในแง่ลบกับมัน เพราะที่ผ่านมาเวลานึกถึงเรื่องพวกนี้ เราจะนึกถึงการคอรัปชั่น การเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ซึ่งเรื่องนี้จะโทษประชาชนก็ไม่ได้
.
ก็ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรามีแต่ ‘ชนชั้นปกครองที่เส็งเคร็ง’ เกินกว่าที่ประชาชนจะไว้วางใจให้ทำอะไรที่มันดูจะโกงง่ายๆ แบบนี้
.
ซึ่งก็เข้าใจได้ถึงความกังวลเพราะส่วนตัวก็กังวลเหมือนกัน
.
แต่ปัญหาคือ ณ จุดนี้ลำพัง Tax Credits, Tax Exemption, State Loans นั้นน่าจะไม่พอฉุดเศรษฐกิจของประเทศให้กลับขึ้นมา – เวลาบอกว่าพอไม่พอ ก็คงหนีไม่พ้นต้องเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่มีเป้าหมายแบบเดียวกันกับเราเพราะเรากำลังแข่งกับประเทศอื่นอยู่

พอไม่พอดูจากรูปเอาก็น่าจะเห็นภาพ
ทุกประเทศถมเงิน จนโลกทั้งใบกลายเป็น Subsidy War ไปเรียบร้อย
.
ประเทศกำลังพัฒนามีสัดส่วนการใช้ Direct/Financial Grants ในการผลักดัน Industrial Policy สูงกว่ามาตรการอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น (ข้อมูลจาก Industrial Policy Since the Great Financial Crisis, IMF 2025)
.
แม้จะไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่าประเทศไทยใช้มาตรการใดเป็นสัดส่วนจริงๆ เท่าไรกันแน่ แต่ไม่ใช่ตามรูปนี้อย่างแน่นอน เรามี Direct/Financial Grants ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่านี้มาก การอุดหนุนส่วนใหญ่ของเราไปกองอยู่ที่มาตรการทางภาษี (Tax) ผ่าน BOI เสียมากกว่า
.
ถามว่าไม่ทำแบบประเทศอื่นได้มั้ย เป็นตัวของตัวเองหน่อย – ก็คงได้แหละ แต่มันก็เหมือนการแข่งกันไปถึงเส้นชัย โดยที่เราวิ่งด้วยเท้าสองข้าง ส่วนคนอื่นกำลังปั่นจักรยานเสือภูเขา
.
ในระยะ 5 ปีหลังมานี้ เราเห็นแนวโน้มที่ประเทศต่างๆ หันมาใช้ State Aid ในรูปแบบ Direct/Financial Grants สำหรับการผลักดันนโยบายอุตสาหกรรมเป้าหมายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจัยหลักน่าจะเป็นเพราะ “รอไม่ได้” คนอื่นอัดปุ๋ย ก็ต้องอัดปุ๋ยตาม
.
เขียนมายืดยาว แต่คิดไม่ออกว่าจะหาประโยคจบยังไงดี
.
เรากำลังยืนอยู่บนทางแยกที่น่าลำบากใจ ฝั่งหนึ่งคือความกลัวคอรัปชั่นที่ฝังรากลึกและโทษประชาชนไม่ได้ อีกฝั่งคือความจริงที่ว่าถ้าเราไม่เริ่ม ‘อัดฉีด’ วันนี้ เราจะไม่มีวันวิ่งตามโลกทัน
.
ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ มาช่วยกันเลือกพรรคที่ดูแล้วมันคงไม่โกง ไม่คอรัปชั่น เพราะมีแต่พรรคแบบนี้เท่านั้นที่เราจะไว้วางใจมากพอให้ทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยงขนาดนี้
.
ยังไม่ได้ยื่นช่องทางการหาเสียง
.
ดังนั้น 8 กุมภา อยากกาเบอร์ไรก็กา
ขอบคุณครับ
Leave a comment